Copyright © 2024 · รับทำการตลาดออนไลน์คลินิกความงาม
เมื่อต้องการสร้างแบรนด์คลินิกความงาม ที่ประสบความสำเร็จในตลาดความงามที่แข็งแกร่ง และแข่งขันอย่างมากนั้น นี่คือ 6 เคล็ดลับที่อาจช่วยให้คุณประสบความสำเร็จ
1. กำหนดและสร้างเอกลักษณ์แบรนด์ที่เฉพาะเจาะจง
ทำความเข้าใจเกี่ยวกับตัวตน และความแตกต่างของคลินิกความงามของคุณ กำหนดเอกลักษณ์แบรนด์ที่ชัดเจน และน่าจดจำ เช่น ชื่อแบรนด์ที่น่าสนใจ และเป็นที่จดจำ, โลโก้ที่สื่อถึงความคุณค่า และเฉพาะเจาะจงของคลินิกความงามของคุณ, เนื้อหาที่สื่อถึงพันธกิจ และวัฒนธรรมของคลินิกความงามของคุณ
2. สร้างประสบการณ์ลูกค้าที่น่าจดจำ
ให้ความสำคัญกับการสร้างประสบการณ์ลูกค้าที่มีคุณภาพ และน่าจดจำ เริ่มต้นที่การให้บริการที่มีมาตรฐานสูง และการดูแลลูกค้าอย่างเป็นกันเอง สร้างประสบการณ์ที่น่าสนใจให้กับลูกค้า เช่น การให้บริการคำปรึกษาแบบส่วนตัว, การให้บริการที่ปรับปรุงตามความต้องการ และความสะดวกของลูกค้า, การให้บริการที่มีคุณภาพ และประสิทธิภาพ, และการสร้างความประทับใจตั้งแต่ครั้งแรกที่ลูกค้ามาใช้บริการ
3. สร้างช่องทางการตลาดที่เหมาะสม
ใช้ช่องทางการตลาดที่เหมาะสม และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของคุณ ในตลาดความงามนั้นมีหลายช่องทางที่สามารถนำมาใช้ เช่น สื่อสังคมออนไลน์เช่น Facebook, Instagram, YouTube, และ TikTok, การให้บริการทางออนไลน์เช่นเว็บไซต์, แอปพลิเคชัน, และการให้บริการทางออนไลน์อื่น ๆ, การใช้เครื่องมือการตลาดทางออนไลน์เช่นการทำ SEO, การทำโฆษณา PPC, หรือการใช้ทีมการตลาดเพื่อเน้นช่องทาง และเครื่องมือที่เหมาะสม เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างแบรนด์คลินิกความงามของคุณให้ก้าวหน้าไปข้างหน้า
4. สร้างความสัมพันธ์ และสร้างชุมชน
สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าของคุณ และสร้างชุมชนที่เกี่ยวข้อง คุณสามารถใช้สื่อสังคมออนไลน์ และเว็บไซต์ของคุณในการสร้างพื้นที่ที่สามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และประสบการณ์กันและกัน นอกจากนี้ยังสามารถสร้างกลุ่มคนที่สนใจความงาม และแชร์เนื้อหาที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างชุมชนที่มีผู้สนใจ และสามารถสนับสนุนและส่งเสริมแบรนด์คลินิกความงามของคุณ
5. การให้บริการที่มีคุณภาพ และทำให้ลูกค้าซื้อซ้ำกับคุณ
สร้างการพึ่งพา และความภาคภูมิใจให้กับลูกค้าที่มาใช้บริการ และเป็นนักบริหารเกี่ยวกับการดูแลผิวพรรณอย่างใกล้ชิด ให้บริการคุณภาพสูง และผลลัพธ์ที่น่าพอใจเพื่อสร้างความพึงพอใจ และเชื่อมั่นให้กับลูกค้า เพื่อให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการอีกครั้ง และสามารถแนะนำคลินิกความงามของคุณให้กับผู้อื่น
6. สร้างพันธมิตรกับ Influencers
คุณสามารถสร้างพันธมิตรกับ Influencers ที่มีผู้ติดตามมากๆ และมีผู้ที่สนใจในเรื่องความงามเพื่อช่วยส่งเสริมแบรนด์คลินิกความงามของคุณ เพื่อเพิ่มโอกาสในการเปิดพื้นที่ให้คุณในช่องทางการตลาดของพวกเขา นอกจากนี้ยังสามารถให้พวกเขารีวิวผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณเพื่อสร้างความน่าสนใจ และสามารถถ่ายทอดประสบการณ์ของลูกค้าที่ใช้บริการคลินิกความงามของคุณ
เพื่อสร้างแบรนด์คลินิกความงามที่ประสบความสำเร็จและเชื่อถือได้ คุณควรมีกลยุทธ์ที่เน้นไปที่คุณภาพของบริการ และผลลัพธ์ที่น่าพอใจสำหรับลูกค้า นอกจากนี้ยังต้องสร้างแบรนด์ที่มีเอกลักษณ์ และมองหากลุ่มเป้าหมายของลูกค้าที่เหมาะสม ควรให้ความสำคัญกับการสร้างพันธมิตรกับ Influencers เพื่อส่งเสริมแบรนด์ และเพิ่มโอกาสในการเปิดพื้นที่ให้กับการตลาด
รวมถึงการสร้างโปรโมชั่น และส่วนลดพิเศษเพื่อดึงดูดลูกค้าใหม่ และสามารถรักษาลูกค้าปัจจุบันเพื่อสร้างความพึงพอใจ และความภาคภูมิใจให้กับลูกค้า อย่างสำคัญคือการเลือกทีมการตลาดออนไลน์ที่มีความเชี่ยวชาญ และมีการสื่อสารที่มีคุณค่าเพื่อเพิ่มโอกาสในการเพิ่มยอดขาย และสร้างความรู้จัก และความน่าสนใจให้กับแบรนด์คลินิกความงามของคุณ.
ความงามเป็นเรื่องที่ผู้คนนิยม และให้ความสำคัญมากในประเทศไทย และมีหลากหลายหัตถการที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย อันดับหัตถการความงามที่นิยมอาจประกอบด้วยดังนี้:
1. หัตถการประเภทใช้พลังงานผ่านความถี่: เป็นกระบวนการที่ให้ความสำคัญกับการใช้พลังงานผ่านความถี่เพื่อเสริมความงาม ยกกระชับผิวหน้า โดยมักใช้เทคโนโลยีที่ให้ผลลัพธ์ได้เร็ว และไม่ต้องผ่าตัด เช่น HIFU, Ulthera, Thermage, RF
2. การฉีดสารเสริมความงาม: เป็นกระบวนการที่ให้ความสำคัญกับการฉีดสารเสริมความงาม เช่น Botox, Filler, Thread lifts ซึ่งมักนิยมในการปรับปรุงรูปหน้า และลดริ้วรอย
3. การลดแก้ม/ลดกราม: เป็นกระบวนการที่ให้ความสำคัญกับการสร้างเสน่ห์ให้กับแก้ม และกราม เช่น ร้อยไหม หรือรวมไปถึงการเสริมคางด้วยเช่นกัน
4. การเสริมความงามประเภทผม: เป็นกระบวนการที่ผู้หญิงนิยมในการปรับปรุงความงามของผม เช่น ปลูกผม ต่อผม ทำสี ต่อขนตา หรือสักคิ้ว
5. การดูแลผิวใส: เป็นกระบวนการที่ผู้หญิงนิยมในการดูแล และบำรุงผิวเช่น การดริปวิตามิน หรือการมาสก์หน้า เพื่อเสริมความอ่อนเยาว์ และให้ผิวดูขาวสดใส
6. การนวด และสปา: เป็นกระบวนการที่ให้ความสำคัญกับการนวดรักษาสุขภาพ ควบคุมความเครียด การทำสปาเพื่อผ่อนคลาย และฟื้นฟูร่างกาย ตัวอย่างเช่น นวดไทย, นวดอโรมา, สปาน้ำแร่ เป็นต้น
7. การทำเลเซอร์: เป็นกระบวนการที่ให้ความสำคัญกับการใช้เทคโนโลยีเลเซอร์เพื่อปรับปรุงรูปหน้า หรือให้ผิวเรียบเนียน เช่น การสักและลบรอยสัก, การเลเซอร์ขนในส่วนต่างๆ เช่น รักแร้ แขน หรือบิกินี่ฯ
8. การศัลยกรรมเสริมความงาม: เป็นกระบวนการที่ผู้หญิงนิยมในการใช้การศัลยกรรมเพื่อปรับปรุงรูปหน้า และร่างกาย เช่น ผ่าตัดเสริมหน้าอก, เสริมจมูก, ทำปากกระจับ, ตัดไขมันกระพุ้งแก้ม เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีหลากหลายกระบวนการความงามอื่นๆ ที่ผู้หญิงในประเทศไทยนิยม และนำมาใช้กันอย่างกว้างขวาง ซึ่งอันดับหัตถการความงามที่นิยมอาจเปลี่ยนแปลงไปตามแนวโน้มใหม่ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ขึ้นอยู่กับแนวโน้มของตลาด และความสามารถใหม่ๆ ทางเทคโนโลยี และนวัตกรรมที่อาจเข้ามาเปลี่ยนแปลงในอนาคต
รวมถึงปัจจัยสังคม-เศรษฐกิจ ที่อาจมีผลต่ออันดับหัตถการความงามที่ผู้หญิงนิยมในประเทศไทย ตัวอย่างเช่น แนวโน้มที่เน้นความสุข และการดูแลสุขภาพที่รวมถึงด้านความงามภายในอีกด้วยกัน การให้ความสำคัญกับความสมดุลของร่างกาย จิตใจ และแนวโน้มของความยั่งยืน ความเป็นมาตรฐานในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ และบริการที่มีผลกระทบต่อสุขภาพกับสิ่งแวดล้อม
ยังมีแนวโน้มในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล และการตลาดออนไลน์เพื่อสร้างพื้นที่ตลาดใหม่ในอุตสาหกรรมความงาม ซึ่งอาจมีผลต่ออันดับหัตถการความงามที่ผู้คนนิยมในประเทศไทยในอนาคต.
การวิเคราะห์ SWOT (Strengths, Weaknesses, Opportunities, Threats) สามารถช่วยในการประเมิน และวิเคราะห์คลินิกเสริมความงามได้ดังนี้
1. Strengths (จุดแข็งของคลินิกเสริมความงาม):
▪ บุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ที่ดีในการให้บริการเสริมความงาม เช่น แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ, ผู้ช่วยแพทย์, และพนักงานที่มีความสามารถในการติดต่อ และบริการลูกค้า
▪ สถานที่ที่เหมาะสม และมีความสะดวกสบายสำหรับการให้บริการ เช่น ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีการเคลื่อนไหวที่หนาแน่น เช่น ใกล้กับห้างสรรพสินค้า, สถานีขนส่งสาธารณะ, หรือพื้นที่อยู่อาศัยที่มีประชากรหลากหลาย
▪ สินค้าบริการที่หลากหลาย และครอบคลุมความต้องการของลูกค้า เช่น บริการเสริมความงามที่หลากหลาย เช่น การทำผม, เสริมจมูก, เสริมริมฝีปาก, โบท็อกซ์, ฟิลเลอร์, และอื่นๆ ที่ตอบสนองตามความต้องการของลูกค้า
2. Weaknesses (จุดอ่อนของคลินิกเสริมความงาม):
▪ ความขาดแคลนของทรัพยากรมนุษย์ เช่น บุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์น้อย, ขาดความสามารถในการสื่อสารหรือให้บริการที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้เต็มที่
▪ ขาดทรัพย์สินหรืออุปกรณ์ที่ทันสมัย และเทคโนโลยีที่ใช้ในการให้บริการ เช่น เครื่องมือ และเทคนิคที่ใช้ในการทำศัลยกรรมเสริมความงาม, เครื่องมือวัดผล, และอุปกรณ์สำหรับดูแลผิวหน้า เป็นต้น
▪ การจัดการทรัพย์สิน และการเชื่อมโยงกับธุรกิจอื่นๆ เช่น การสร้างความสัมพันธ์กับผู้ผลิตผลิตภัณฑ์เสริมความงาม, การบริหารจัดการคลังสินค้า และการจัดซื้อวัตถุดิบ
3. Opportunities (โอกาส):
▪ ตลาดความงามที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในประเทศไทย ที่มีความนิยมในการเสริมความงาม และการดูแลสุขภาพ
▪ การสร้าง และขยายตัวของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เช่น ผู้หญิงที่สนใจในการทำศัลยกรรมเสริมความงาม, ผู้ใช้บริการสปา และคลินิกสำหรับความงาม, ผู้ใช้บริการเสริมความงามเพื่อเปลี่ยนรูปลักษณ์ หรือปรับปรุงภาพลักษณ์ของตัวเอง
▪ การใช้เทคโนโลยีการสื่อสารเพื่อสร้างความน่าสนใจ และเพิ่มความได้เปรียบในตลาด เช่น การใช้เว็บไซต์, สื่อสังคมออนไลน์, และการทำกิจกรรมการตลาดออนไลน์
4. Threats (ความเสี่ยง):
▪ การแข่งขันที่สูงในตลาดความงาม ที่มีการเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วตลอดเวลา ซึ่งอาจทำให้เกิดความกดดันในการแข่งขันทางธุรกิจ
▪ การเปลี่ยนแปลงในกฎหมาย หรือข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการเสริมความงาม เช่น การเปลี่ยนแปลงในข้อกำหนดการนำเข้าผลิตภัณฑ์, ข้อกำหนดในการประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ และสุขภาพ
▪ ความเปลี่ยนแปลงในแนวโน้ม และความต้องการของลูกค้าในตลาดความงาม ที่อาจส่งผลต่อความนิยมของบริการเสริมความงาม
▪ ความจำเป็นในการปรับปรุง หรือเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี และอุปกรณ์ที่ใช้ในการให้บริการเสริมความงาม เนื่องจากเทคโนโลยีเสริมความงามเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
การวิเคราะห์ SWOT เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เราเข้าใจ และประเมินแนวทางการพัฒนาและการดำเนินงานของคลินิกเสริมความงาม โดยช่วยจัดหาแนวทางเพื่อให้สามารถนำประโยชน์จากความแข็งแกร่ง (Strengths) และโอกาส (Opportunities) ให้เป็นข้อได้เปรียบ และอยู่ในตำแหน่งที่จะรับมือกับความอ่อนแอ (Weaknesses) และความเสี่ยง (Threats) ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้
จากรายงานล่าสุด มูลค่าตลาดของอุตสาหกรรมเวชศาสตร์ความงามในประเทศไทยคาดว่าจะเติบโตอย่างมากในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ขนาดตลาดคาดว่าจะอยู่ที่ 1.52 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2564 และคาดว่าจะสูงถึง 1.64 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2565 ตลาดคาดว่าจะสูงถึง 3.45 พันล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2573 โดยมีอัตรา CAGR 9.7% ในช่วงระยะเวลาคาดการณ์ ซึ่งรวมถึงมูลค่าตลาดคลินิกเสริมความงามในประเทศไทย
อุตสาหกรรมเวชศาสตร์ความงามในประเทศไทย เติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยได้แรงหนุนจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับกระบวนการเสริมความงามที่ไม่ต้องผ่าตัด เช่น โบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ และเลเซอร์
มูลค่าตลาดของคลินิกเสริมความงามในประเทศไทย เป็นส่วนสำคัญของอุตสาหกรรมการแพทย์เพื่อความงามโดยรวม คลินิกเสริมความงามมีทรีตเมนต์เพื่อความงามที่หลากหลาย รวมถึงทรีตเมนต์ใบหน้า การปรับรูปร่าง การกำจัดขน และอื่นๆ ทรีตเมนต์เหล่านี้กำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นในหมู่ผู้บริโภคชาวไทย โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีความสนใจในการรักษารูปลักษณ์ที่ดูอ่อนเยาว์
ปัจจัยหลักประการหนึ่ง ที่ผลักดันการเติบโตของตลาดคลินิกเสริมความงามในประเทศไทยคือรายได้ที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภคชาวไทย ในขณะที่เศรษฐกิจของประเทศเติบโตอย่างต่อเนื่อง ผู้คนจำนวนมากขึ้นสามารถซื้อการรักษาเพื่อความงามได้ นอกจากนี้ การเพิ่มขึ้นของโซเชียลมีเดียและอิทธิพลของบล็อกเกอร์ และอินฟลูเอนเซอร์ด้านความงามมีส่วนทำให้ความนิยมในการทำศัลยกรรมมีมากขึ้น
อีกแนวโน้มหนึ่งในตลาดคลินิกเสริมความงาม คือจำนวนลูกค้าผู้ชายที่เพิ่มขึ้น ปัจจุบัน ผู้ชายจำนวนมากขึ้นกำลังมองหาการรักษาเสริมความงามเพื่อเสริมรูปลักษณ์ของพวกเขา เช่น การปลูกผม การรักษาชะลอวัย และการปรับรูปร่าง
โดยรวมแล้ว มูลค่าตลาดของคลินิกเสริมความงามในประเทศไทยคาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ซึ่งได้แรงหนุนจากปัจจัยหลายอย่างรวมกัน เช่น รายได้ที่เพิ่มขึ้น การตระหนักรู้เกี่ยวกับการรักษาด้านความงามที่เพิ่มขึ้น และทัศนคติที่เปลี่ยนไปในปัจจุบัน.
นอกจากการโฆษณาบน Facebook ยังมีช่องทางการตลาดออนไลน์อื่นๆ ที่สามารถใช้เพื่อเปิดตัวผลิตภัณฑ์ หรือบริการของคลินิกความงาม ดังนี้
1. Instagram
ด้วยความเชื่อมโยงกันระหว่าง Facebook และ Instagram ผู้ประกอบการสามารถสร้างโฆษณาบน Instagram และเลือกกลุ่มเป้าหมายที่สามารถเชื่อมต่อกับกลุ่มเป้าหมายบน Facebook ได้ง่ายๆ นอกจากนี้ยังสามารถใช้ฟีเจอร์อื่นๆ ของ Instagram เช่น Instagram Stories, Instagram Shopping, และ Instagram Influencer ในการสร้าง และปรับปรุงแคมเปญการตลาดของคลินิกความงามได้
2. Google Ads
เป็นแพลตฟอร์มการโฆษณาออนไลน์ที่ให้ผู้ประกอบการสามารถสร้างโฆษณาบนเครือข่ายการค้นหาของ Google, YouTube, Google Display Network และ Google Maps ซึ่งสามารถเลือกกลุ่มเป้าหมายที่มีความสำคัญ และแม้กระทั่งแสดงโฆษณาแก่ผู้ค้นหาที่กำลังมองหาบริการคลินิกความงามออนไลน์
3. TikTok
เป็นแพลตฟอร์มสำหรับสร้าง และแชร์วิดีโอที่กำลังมาแรงมาก สามารถใช้โฆษณาบน TikTok เพื่อเรียกให้ผู้ใช้งานหลายล้านคนทั่วโลกเห็น และสนใจกับผลิตภัณฑ์ หรือบริการของคลินิกความงามได้อย่างดี
4. LINE Official Account (LINE OA)
เป็นแพลตฟอร์มการตลาดออนไลน์ที่มีความนิยมและมีสมาชิกจำนวนมากในประเทศไทย ในบางครั้ง Line Official Account สามารถนำมาใช้ในการสร้างแคมเปญการตลาดของคลินิกความงาม โดยสามารถสร้างบัญชีอย่างเป็นทางการบน Line เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า และนำเสนอโปรโมชั่นพิเศษ ข่าวสาร หรือเนื้อหาที่น่าสนใจให้กับกลุ่มเป้าหมายของคลินิกความงาม
5. Influencer Marketing
การใช้ Influencer ที่มีผู้ติดตามมากบนแพลตฟอร์มออนไลน์เช่น YouTube, Instagram, TikTok เป็นต้น เพื่อสร้างความน่าสนใจ และเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการของคลินิกความงาม จะสามารถสร้างความน่าเชื่อถือ และกระตุ้นการใช้บริการได้มากยิ่งขึ้น
6. E-Mail Marketing
การส่งอีเมล์การตลาดแก่ลูกค้าเป้าหมายที่มีรายได้สูง เป็นอีกช่องทางหนึ่งในการสื่อสาร และสร้างน่าความสนใจกับผลิตภัณฑ์ หรือบริการของคลินิกความงามได้ดี และมีข้อจำกัดที่ไม่มากนัก
ช่องทางการตลาดออนไลน์ นอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้น ยังสามารถใช้แพลตฟอร์มอื่นๆที่กำลังมาแรงอยู่เช่น LinkedIn, Twitter, Pinterest, Snapchat ฯลฯ ซึ่งอาจมีกลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสมกับคลินิกความงามของคุณ สามารถสร้างความน่าสนใจ และสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายของคลินิกความงามที่มีรายได้สูงในประเทศไทย ควรพิจารณาเลือกช่องทางการตลาดที่เหมาะสมกับลักษณะ และเป้าหมายของคลินิกความงามของคุณเพื่อให้การตลาดออนไลน์ของคุณประสบผลสำเร็จ และยั่งยืนในอนาคต.
การระบาดของโรคโควิด-19 ได้มีผลกระทบต่อธุรกิจใหญ่หรือเล็กไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมใด ๆ ซึ่งจำเป็นต้องปรับปรุงแนวทางการตลาดของตนเองให้ตรงกับสภาพปัจจุบัน ดังนั้น แนวคิดการตลาดในยุคโควิด-19 ที่สามารถทำให้ธุรกิจไปรอดได้มีดังนี้
1. การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการขาย: ส่วนใหญ่ธุรกิจมีการปรับรูปแบบการขายของตนเองให้เหมาะสมกับสภาพปัจจุบัน ซึ่งรวมถึงการพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อเปิดตัวสินค้า และบริการผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสในการขาย และทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ได้อย่างสะดวกสบาย
2. การสร้างประสบการณ์ลูกค้าที่ดีในการซื้อสินค้า: การสร้างประสบการณ์การซื้อสินค้าที่ดีเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับธุรกิจในยุคโควิด-19 เนื่องจากลูกค้ามีความเชื่อมั่นน้อยลงในการซื้อสินค้า และบริการโดยตรง ซึ่งส่งผลต่อยอดขาย และรายได้ของธุรกิจ การสร้างประสบการณ์การซื้อสินค้าที่ดีโดยใช้ช่องทางออนไลน์เช่น การสร้างเว็บไซต์ และแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ให้ความสะดวกสำหรับลูกค้า เช่น การให้บริการลูกค้าผ่านแชทบอท การแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าที่มีคุณค่า และการสร้างความสามารถในการรับฟังของลูกค้าจะช่วยเพิ่มโอกาสในการขาย และสร้างฐานลูกค้าที่มั่นคงในอนาคต
3. การใช้โซเชียลมีเดียในการตลาด: โซเชียลมีเดียเป็นช่องทางการตลาดที่สำคัญในยุคโควิด-19 โดยสามารถใช้การโฆษณาผ่านโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook, Instagram และ TikTok เพื่อเพิ่มการเข้าถึงลูกค้า และสร้างความสนใจในผลิตภัณฑ์ และบริการของธุรกิจ
4. การใช้เทคโนโลยีอัตโนมัติในการตลาด: การใช้เทคโนโลยีอัตโนมัติในการตลาดเป็นวิธีที่ดีในการปรับตัวเข้ากับสภาพปัจจุบัน ซึ่งสามารถช่วยลดความขัดแย้งในการทำงาน และเพิ่มประสิทธิภาพในการสร้าง และติดตามผลการตลาด การใช้เทคโนโลยีอัตโนมัติเช่น การสร้างเครื่องมือการตลาดอัตโนมัติ เพื่อช่วยในการประเมินผลการตลาด และสร้างยอดขายให้ดีขึ้น
Facebook Analytics เป็นเครื่องมือที่ช่วยวิเคราะห์ และติดตามการใช้งานของแฟนเพจ และโฆษณาบน Facebook อย่างละเอียด ๆ แต่ในกรณีที่ต้องการนำเครื่องมืออื่น ๆ มาใช้แทน Facebook Analytics ได้ นี่คือเครื่องมือที่คุณสามารถใช้ได้:
1. Google Analytics: เครื่องมือวิเคราะห์เว็บไซต์ที่ช่วยติดตาม วิเคราะห์การเข้าชมเว็บไซต์ รวมถึงการดำเนินการ และการซื้อขาย โดยเฉพาะในส่วนของโฆษณา และการตลาด
2. Mixpanel: เครื่องมือที่ช่วยติดตาม และวิเคราะห์การใช้งานแอปพลิเคชันโดยละเอียด โดยเฉพาะเรื่องของการใช้งานส่วนต่าง ๆ ของแอปพลิเคชัน
3. Amplitude: เครื่องมือวิเคราะห์การใช้งานแอปพลิเคชันที่ช่วยติดตามความสนใจของผู้ใช้ และวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้งานของพวกเขา ทำให้เข้าใจว่าผู้ใช้ต้องการอะไร และสนใจอะไร
4. Heap Analytics: เครื่องมือวิเคราะห์การใช้งานเว็บไซต์ แอปพลิเคชันที่ช่วยติดตาม ที่จะวิเคราะห์การใช้งานอย่างละเอียด โดยเฉพาะเรื่องของการใช้งาน และการซื้อขาย
5 สิ่งสำคัญเบื้องต้น ที่อาจทำให้เซลล์ขายงานไม่ผ่าน
1. ขาดความเข้าใจในลูกค้า: คุณไม่สามารถเข้าใจความต้องการ และความสนใจของลูกค้าได้อย่างถูกต้อง อาจทำให้ลูกค้าไม่พอใจ และไม่สนใจซื้อบริการของคุณ
2. ขาดความน่าเชื่อถือ: คุณไม่มีความน่าเชื่อถือในตลาด และลูกค้าไม่ไว้ใจบริการของคุณ
3. ขาดความเชี่ยวชาญ: คุณไม่มีความรู้หรือประสบการณ์เกี่ยวกับบริการของคุณเพียงพอที่จะตอบคำถามหรือแนะนำลูกค้าได้อย่างถูกต้อง อาจทำให้ลูกค้าไม่ไว้ใจ และไม่สนใจซื้อบริการของคุณ
4. ขาดการตลาด: คุณไม่มีแผนการตลาดที่เหมาะสมหรือไม่มีการตลาดเลย ทำให้บริการของคุณไม่ได้รับการสนับสนุน และไม่มีความรู้จักในตลาด
5. ความสับสนในการติดต่อ: คุณไม่มีการติดต่อลูกค้าที่ชัดเจนหรือมีความสับสน อาจทำให้ลูกค้าไม่ไว้ใจ และไม่สนใจซื้อบริการของคุณ
1. การใช้สื่อโซเชียลมีเดีย : การใช้โซเชียลมีเดียเป็นเครื่องมือในการตลาดคลินิกความงามมีความสำคัญอย่างมากในปี 2023 โดยเฉพาะในการสร้างความน่าสนใจและเชื่อถือได้ให้กับลูกค้าที่มีอยู่แล้วและลูกค้าใหม่ที่เพิ่มขึ้น สื่อโซเชียลมีเดียที่ใช้บ่อยมีเช่น Facebook, Instagram, YouTube, TikTok, และ Twitter
2. การใช้เทคโนโลยี : เทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น AR (Augmented Reality) และ VR (Virtual Reality) จะเป็นเครื่องมือที่มีความสำคัญในการตลาดคลินิกความงามในปี 2023 โดย AR และ VR สามารถช่วยลูกค้าได้ในการเลือกสินค้าหรือบริการที่เหมาะสมและแสดงผลลัพธ์ของการใช้งานบางอย่างได้ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ
3. การใช้ Influencer Marketing : Influencer Marketing คือการใช้บุคคลธรรมดาที่มีผู้ติดตามจำนวนมากบนสื่อโซเชียลมีเดียเป็นตัวช่วยในการตลาดสินค้าหรือบริการ ในปี 2023 จะมีการใช้ Influencer Marketing เพื่อเชื่อมโยงกับกลุ่มลูกค้าที่มีความสนใจในคลินิกความงาม และเพื่อเพิ่มความน่าสนใจและความน่าเชื่อถือให้กับลูกค้า
4. การให้บริการออนไลน์ : การให้บริการออนไลน์จะเป็นที่สำคัญสำหรับคลินิกความงามในปี 2023 เนื่องจากลูกค้าต้องการรับบริการที่สะดวกและรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการจองนัดล่วงหน้า การชำระเงินออนไลน์ หรือการให้คำปรึกษาออนไลน์ การให้บริการออนไลน์จะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้าและช่วยสร้างความคุ้มค่าในการใช้บริการของคลินิกความงาม
5. การให้บริการที่มีคุณภาพ : การให้บริการที่มีคุณภาพเป็นสิ่งสำคัญสำหรับคลินิกความงามในปี 2023 โดยให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพและปริมาณของผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ใช้ในการดูแลสุขภาพและความงามของลูกค้า การใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพและการให้บริการโดยผู้เชี่ยวชาญจะช่วยสร้างความพึงพอใจและความสะดวกสบายให้กับลูกค้าโดยเฉพาะในปัจจุบันที่มีการแข่งขันกันอย่างเข้มข้นในตลาดคลินิกความงาม
ข้อมูลล่าสุดประจำปี 2023 มีการยืนยันประกาศจาก Facebook แล้ว เกี่ยวกับการห้ามยิงโฆษณาไปยังกลุ่มเป้าหมายที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีในประเทศไทย
โดยการกำหนดกลุ่มเป้าหมายในการโฆษณาจะไม่มีตัวเลือกสำหรับกลุ่มเป้าหมายไปยังผู้ใช้ที่มีอายุ ต่ำกว่า 18 ปีทั่วโลก หรืออายุ ต่ำกว่า 20 ปี ในประเทศไทย และต่ำกว่า 21 ปี ในอินโดนีเซีย
ซึ่งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวอาจส่งผลกระทบในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในระดับหนึ่ง แต่หากนักการตลาดและแบรนด์ต้องการให้โฆษณาเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้ที่เป็นผู้เยาว์ สามารถสร้าง Ad sets แยกออกมา ที่กำหนดเฉพาะสำหรับผู้เยาว์ ในการกำหนดอายุ เพศ และสถานที่ตั้ง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้เครื่องมือมากขึ้น
ประเภทการกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่ไม่สามารถใช้กับผู้เยาว์ได้ มีดังนี้
🔹 Detailed Targeting
🔹 Connections targeting
🔹 Language targeting
🔹 Website Custom Audiences
🔹 App activity Custom Audiences
🔹 Customer list Custom Audiences
🔹 Engagement Custom Audiences
🔹 Offline activity Custom Audiences
🔹 Lookalike Audiences
การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวถือเป็นความมุ่งมั่นของเฟซบุ๊กในการคุ้มครองความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของผู้เยาว์ในการใช้งาน ซึ่งจะมีผลทั้งกับ Facebook, Messenger และ Instagram
ทั้งนี้การยิงโฆษณาใน Facebook นั้น ควรปฏิบัติตามนโยบาย และกฎระเบียบของเฟซบุ๊กอย่างเคร่งครัด และให้คำแนะนำแก่กลุ่มเป้าหมายให้ถูกต้องตามประเภท และความเหมาะสมเพื่อเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือ เพื่อสร้างความสุขทางออนไลน์ให้กับผู้ใช้บริการของเฟซบุ๊กโดยรวมค่ะ
การสร้างภาพโฆษณาที่ถูกใจ Facebook นั้นจะต้องพิจารณาด้วยองค์ประกอบหลัก 4 อย่างดังนี้
1. Visual Appeal (ความน่าสนใจของภาพ): การใช้สีสันสดใส และการออกแบบให้โดดเด่น เพื่อดึงดูดความสนใจของผู้ชม และทำให้ผู้ชมจำความโฆษณาได้ง่ายขึ้น
2. Relevance (ความสัมพันธ์): การเลือกภาพที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์หรือบริการ และการนำเสนอข้อความที่เหมาะสม เพื่อสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผลิตภัณฑ์หรือบริการกับกลุ่มเป้าหมาย
3. Value (ความคุ้มค่า): การแสดงให้เห็นถึงคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์หรือบริการ และการนำเสนอการส่งเสริมการขายเพื่อเพิ่มความคุ้มค่าให้กับผู้ใช้
4. Call to Action (การเรียกใช้การกระทำ): การนำเสนอข้อเสนอพิเศษ และการเรียกผู้ใช้ทำการกระทำเช่นการสั่งซื้อสินค้า การลงทะเบียน หรือการเข้าชมเว็บไซต์ โดยการเรียกใช้ Call to Action เป็นการชักชวนผู้ชมให้มีการตอบสนองต่อโฆษณาเรา
การโพสต์บน Facebook และโซเชียลมีเดีย เป็นการแบ่งปันข้อมูล และภาพลักษณ์ของเราให้กับคนอื่นๆ ดังนั้นจึงต้องระมัดระวังในการโพสต์ข้อมูลที่อาจทำให้เกิดผลเสียต่อเราเอง หรือผู้อื่นได้ดังนี้
1. ข้อมูลส่วนตัว: ไม่ควรโพสต์ข้อมูลส่วนตัวเช่นเลขประจำตัวประชาชน ที่อยู่บ้าน หมายเลขโทรศัพท์ เนื่องจากอาจเป็นประเด็นในการฉ้อโกง การโจรกรรม หรือการกระทำผิดกฎหมายอื่นๆ
2. ความเห็นไม่เหมาะสม: ไม่ควรโพสต์ความเห็นที่ไม่เหมาะสมหรือก่อให้เกิดความขัดแย้งกับผู้อื่น เช่น การดูถูก การเหยียดสีผิว การเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่เป็นจริง
3. ภาพลามกอนาจาร: ไม่ควรโพสต์ภาพที่ลามกอนาจาร หรือภาพที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้อื่น เช่น ภาพหน้าตาของผู้อื่น ซึ่งอาจละเลยสิทธิประโยชน์ของผู้อื่น
4. ข้อมูลลับ: ไม่ควรโพสต์ข้อมูลที่เป็นความลับของบริษัทหรือผู้อื่น เช่น ข้อมูลลูกค้า ข้อมูลธุรกิจ ซึ่งอาจเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
5. การล่วงละเมิดลิขสิทธิ์: ไม่ควรโพสต์ภาพหรือวิดีโอที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ หรือละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่น เช่น การโพสต์ภาพหนังสือ ภาพเคลื่อนไหว เพลง หรือสื่ออื่นๆ โดยไม่ได้รับอนุญาต
6. ข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์: ไม่ควรโพสต์ข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์หรือเป็นเท็จ ที่อาจก่อให้ผู้อื่นได้รับความเข้าใจผิด หรือตัดสินใจไม่ถูกต้อง
7. การโพสต์ที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง: ไม่ควรโพสต์เนื้อหาที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง เช่น ภาพถ่ายหรือวิดีโอที่ถูกตกแต่งเพื่อแสดงให้ดูดีขึ้น ที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง
8. การโพสต์ที่ไม่เหมาะสมสำหรับเด็ก: ไม่ควรโพสต์เนื้อหาที่ไม่เหมาะสมสำหรับเด็ก เช่น ภาพหรือวิดีโอที่มีเนื้อหาไม่เหมาะสม เพื่อป้องกันการส่งเสริมความไม่เหมาะสมแก่เด็ก
การยิงแอด Facebook เป็นวิธีการโฆษณาออนไลน์ที่มีความสามารถสูงในการเพิ่มผู้เข้าชมและผู้ซื้อสินค้าหรือบริการของเรา แต่การทำให้โฆษณาของเราเป็นไปอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพต่อผู้ใช้งาน Facebook ก็มีความสำคัญอย่างมาก ดังนั้น 10 ข้อห้ามในการยิงแอด Facebook ในปี 2023 ได้แก่
1. ห้ามใช้ข้อความหลอกลวงหรือโฆษณาที่ไม่ถูกต้อง เช่น โฆษณาสินค้าที่มีคุณสมบัติหรือความสามารถที่ไม่เป็นจริง
2. ห้ามใช้ภาพที่ไม่เหมาะสมหรือไม่เหมาะสมกับผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณ
3. ห้ามใช้ภาพหรือข้อความที่ละเมิดลิขสิทธิ์ หรือโฆษณาสินค้าที่ละเมิดสิทธิบัตรหรือเครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่น
4. ห้ามใช้สีสันหรือรูปแบบที่ไม่สอดคล้องกับแบรนด์ของคุณ
5. ห้ามใช้คำหยาบหรือวาจาที่ไม่เหมาะสม
6. ห้ามใช้ข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ Facebook โดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ใช้
7. ห้ามใช้โปรแกรมหรือเทคนิคการเพิ่มผู้เข้าชมโฆษณาอย่างไม่เหมาะสม
8. ห้ามใช้โฆษณาที่มีเนื้อหาไม่เหมาะสมกับกฎหมายหรือนโยบาย Facebook
9. ห้ามแสดงโฆษณาเนื้อหาที่รุนแรง หรือดูหมิ่น หรือสร้างผลกระทบต่อสังคม
10. ห้ามใช้การสร้างความสับสนหรือการหลอกลวงผู้ใช้ Facebook เช่น การบอกเล่าความเท็จในการโฆษณาหรือการใช้คำโกหก
การยิงแอด Facebook มีความสำคัญมากในการโฆษณาสินค้าและบริการของเรา แต่การทำให้โฆษณาของเราเป็นไปอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพต่อผู้ใช้งาน Facebook เป็นสิ่งสำคัญที่สุด ดังนั้น การปฏิบัติตามข้อห้ามข้างต้นจะช่วยให้เราได้รับผลกระทบต่อการโฆษณาที่น่าพอใจและมีประสิทธิภาพมากขึ้นในปี 2023 นี้
การทำการตลาดในปี 2023 นั้นจะต้องพิจารณากลุ่ม target audience ให้ถูกต้อง และมีประสิทธิภาพ โดยในปัจจุบันมี Generation หลายกลุ่ม ดังนี้
1. Baby Boomers (เกิดระหว่างปี 1946-1964): กลุ่มผู้สูงอายุที่มีพฤติกรรมการใช้งานอินเทอร์เน็ตมากขึ้น โดยส่วนใหญ่จะใช้โซเชียลมีเดียในการติดต่อสื่อสารกับบุคคลอื่น และควรใช้ช่องทางโฆษณาที่มีความสมบูรณ์ และแนบเนียน เช่น โฆษณาแบบ Offline โฆษณาทางโทรทัศน์ หรือสื่อสิ่งพิมพ์
2. Generation X (เกิดระหว่างปี 1965-1980): กลุ่มคนกลางคนที่มีความสำคัญในการทำธุรกิจ และมีทักษะด้านเทคโนโลยีสูง ส่วนใหญ่จะใช้โซเชียลมีเดียในการสื่อสาร และมีความสนใจในการอ่านบทความเกี่ยวกับธุรกิจ โฆษณาผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น Google Ads หรือ Facebook Ads เป็นวิธีการที่เหมาะสมกับกลุ่มนี้
3. Millennials (เกิดระหว่างปี 1981-1996): กลุ่มที่เกิดในยุคดิจิตอล และเป็นผู้ใช้เทคโนโลยีในการสื่อสาร จึงควรมีการใช้โฆษณาผ่านช่องทางออนไลน์ และโซเชียลมีเดียที่เหมาะสมกับกลุ่มนี้ เช่น โฆษณาผ่านแอพพลิเคชั่น และการใช้ผู้มีผลกระทบโดยตรง หรือรีวิวที่ชัดเจน
4. Generation Z (เกิดระหว่างปี 1997-2012): กลุ่มผู้ใช้เทคโนโลยีในการสื่อสาร และการใช้ชีวิตประจำวัน ดังนั้นควรใช้ช่องทางโฆษณาผ่านแอพพลิเคชั่น และโซเชียลมีเดียอย่างตรงไปตรงมา เช่น Instagram, TikTok, หรือ Snapchat เป็นต้น
5. Generation Alpha (เกิดหลังปี 2013): กลุ่มเด็กที่เกิดในยุคดิจิตอล และมีความสนใจในการใช้เทคโนโลยี แต่ยังไม่สามารถใช้งานได้ด้วยตนเอง ดังนั้นการทำการตลาดที่เหมาะสมสำหรับกลุ่มนี้ ควรใช้ช่องทางโฆษณาผ่านแอพพลิเคชั่นที่เหมาะสมกับเด็ก และพ่อแม่ โดยเน้นการใช้สีสันสดใส และการนำเสนอข้อมูลอย่างสื่อสารเข้าใจง่าย
การทำการตลาดให้เหมาะสมกับ Generation แต่ละกลุ่ม ยังต้องพิจารณาเนื้อหาโฆษณาที่เหมาะสม และเป็นประโยชน์ต่อกลุ่ม target audience แต่ละกลุ่มด้วย เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึง และดึงดูดความสนใจของกลุ่มนั้นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การใช้ Influencer ในการทำการตลาดออนไลน์สำหรับคลินิกความงาม เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพ และได้ผลดีอย่างมาก เนื่องจากโดยทั่วไปแล้ว ผู้ใช้บริการคลินิกความงามมักจะต้องการความไว้ใจ และคุณภาพสูงสุดในการดูแลรักษาผิวพรรณ ร่างกายของตนเอง ดังนั้นการมี Influencer ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านความงามในสังคมออนไลน์มาช่วยส่งเสริม และแนะนำผลิตภัณฑ์ความงามหรือบริการของคลินิกความงามนั้น จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ และเป็นกลางในการสร้างความนิยม และความไว้วางใจของผู้ติดตาม
นอกจากนี้ การใช้ Influencer ยังช่วยเพิ่มการเข้าถึงลูกค้าใหม่โดยเฉพาะกลุ่มผู้ใช้สื่อโซเชียลที่มีไลฟ์สไตล์ที่เกี่ยวข้องกับคลินิกความงาม การมี Influencer ที่มีผู้ติดตามจำนวนมากมาโพสต์รูปภาพหรือวิดีโอเกี่ยวกับบริการของคลินิกความงามนั้น จะช่วยสร้างความตื่นเต้น และสร้างความสนใจในผลิตภัณฑ์หรือบริการนั้นๆ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มโอกาสในการแปลงผู้ติดตามเป็นลูกค้าจริงๆ
Influencer จะมีความน่าเชื่อถือ ซึ่งทำให้ผู้ติดตามมีความเชื่อถือในคำแนะนำ และคำแนะนำที่ได้รับจาก Influencer นั้น นอกจากนี้ การมี Influencer ใช้สื่อสังคมออนไลน์ยังช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับผลิตภัณฑ์หรือบริการของคลินิกความงาม ซึ่งอาจช่วยเพิ่มยอดขายได้มากขึ้น และเป็นการลดความเสี่ยงในการลงทุนในการตลาดวิธีอื่นๆที่อาจไม่ได้ผลมากนัก
อย่างไรก็ตาม ในการเลือกใช้ Influencer ในการทำการตลาดออนไลน์คลินิกความงาม จำเป็นต้องพิจารณาด้านความเหมาะสมของ Influencer กับกลุ่มเป้าหมายของคลินิกความงาม โดยต้องมีการวิเคราะห์ผู้ติดตาม รวมถึงพฤติกรรมการใช้สื่อโซเชียลอย่างละเอียด นอกจากนี้ คลินิกความงามยังต้องระบุเป้าหมาย และแผนกลยุทธ์การตลาดอย่างชัดเจนก่อนการใช้ Influencer เพื่อให้การตลาดเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และได้ผลอย่างมากที่สุด
ประเภทของ Influencers ที่แบ่งตามจำนวนผู้ติดตาม สามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภทดังนี้
1. Mega Influencers
เป็น Influencers ที่มีจำนวนผู้ติดตามมากมาย ตั้งแต่ 1,000,000 คนขึ้นไป เช่น ดาราศิลปินที่มีชื่อเสียง นักแสดง นักดนตรี นักกีฬา ฯลฯ ซึ่งมักมีอิทธิพลอยู่ในเรื่องที่หลากหลาย เช่น แฟชั่น การแสดงความคิดเห็น และการสนับสนุนแบรนด์
2. Macro Influencers
เป็น Influencers ที่มีจำนวนผู้ติดตามระดับกลาง ระหว่าง 10,000 – 500,000 คน ซึ่งมักเน้นเนื้อหาในกลุ่มที่เฉียบพลัน และน่าสนใจ เช่น บล็อกเกอร์ที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องเสื้อผ้า อาหาร ท่องเที่ยว ฯลฯ
3. Micro Influencers
เป็น Influencers ที่มีจำนวนผู้ติดตามระหว่าง 1,000 – 10,000 คน ซึ่งมักมีความชุดชันในกลุ่มเป้าหมายที่เฉียบพลัน และมีความสามารถในการสร้างความสัมพันธ์กับผู้ติดตามที่เข้าใจ และกันแลกเปลี่ยนเนื้อหา เช่น นักท่องเที่ยวที่แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว นักกอล์ฟที่แนะนำเทคนิคการเล่น หรือมีความเชี่ยวชาญในสาขาอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
4. Nano Influencers
เป็น Influencers ที่มีจำนวนผู้ติดตามน้อยที่สุด ระหว่าง 1 – 1,000 คน ซึ่งมักเป็นบุคคลที่มีความสามารถในกลุ่มเฉพาะที่มีความสนใจพิเศษ เช่น ครูสอนเทคนิคการเรียน สาวกสุขภาพที่แนะนำการออกกำลังกาย หรือพ่อแม่ที่แชร์ประสบการณ์เกี่ยวกับการเลี้ยงลูก
5. Microcelebrities
เป็น Influencers ที่มีความนำไปสู่กลุ่มผู้ติดตามเป้าหมายที่มีพื้นที่แขนงกว้าง มีจำนวนผู้ติดตามไม่มากนัก แต่มีส่วนร่วมสูง เช่น ผู้เขียนบทความ นักแต่งเพลง นักออกแบบ ฯลฯ ซึ่งมักมีผู้ติดตามในกลุ่มเฉพาะที่มีความสนใจในด้านนั้นๆ
และนอกจากการแบ่งตามจำนวนผู้ติดตามแล้ว ยังสามารถแบ่งประเภทของ Influencers ตามลักษณะคอนเทนต์ที่นำเสนอได้ 8 ประเภทดังนี้
1. Lifestyle Influencers
เป็น Influencers ที่เน้นการแสดงความเป็นตัวเองและการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การแชร์ความสุขในชีวิตประจำวัน การแนะนำเคล็ดลับการดูแลสุขภาพ การแสดงความรักต่อครอบครัว หรือการเดินทางและการท่องเที่ยว
2. Beauty Influencers
เป็น Influencers ที่เน้นในด้านความงาม เช่น การแนะนำเคล็ดลับดูแลผิวพรรณ การแนะนำเครื่องสำอาง การทดสอบและรีวิวผลิตภัณฑ์ความงาม หรือการแสดงทริคและเทคนิคในการแต่งหน้า
3. Fashion Influencers
เป็น Influencers ที่เน้นในด้านแฟชั่น และสไตล์การแต่งตัว เช่น การแนะนำเสื้อผ้า รองเท้า และแนวโมดา เทรนด์ใหม่ ๆ การแสดงวิธีการผสมผสานเสื้อผ้าและแฟชั่น หรือการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับแฟชั่น
4. Fitness Influencers
เป็น Influencers ที่เน้นในด้านสุขภาพและการออกกำลังกาย เช่น การแนะนำกิจกรรมการออกกำลังกาย แนะนำโปรแกรมออกกำลังกาย การแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับอาหารเสริมและอาหารเพื่อสุขภาพ หรือการแนะนำวิธีการบำรุงร่างกาย
5. Parenting Influencers
เป็น Influencers ที่เน้นในด้านการเลี้ยงลูก เช่น การแชร์ประสบการณ์การเลี้ยงลูก การแนะนำผลิตภัณฑ์เลี้ยงลูก การแสดงความรักต่อลูก หรือการแนะนำกิจกรรมที่เหมาะสมสำหรับเด็ก
6. Travel Influencers
เป็น Influencers ที่เน้นการเดินทางและการท่องเที่ยว เช่น การแชร์ประสบการณ์การเดินทาง การแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว การแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับที่พัก หรือการแนะนำแพ็กเกจท่องเที่ยว
7. Food Influencers
เป็น Influencers ที่เน้นในด้านอาหาร เช่น การแนะนำร้านอาหาร การสร้างสูตรอาหาร การแสดงวิธีการทำอาหาร การรีวิวร้านอาหารหรืออาหารที่น่ากิน
8. Tech Influencers
เป็น Influencers ที่เน้นในด้านเทคโนโลยี เช่น การรีวิวและแนะนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ การแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับอุปกรณ์เทคโนโลยี หรือการแนะนำเทคนิคในการใช้งานอุปกรณ์เทคโนโลยีต่างๆ
Soft Skill หรือทักษะด้านอารมณ์ หมายถึงชุดของคุณลักษณะส่วนบุคคล ลักษณะเฉพาะ และอุปนิสัยที่ทำให้บุคคลสามารถโต้ตอบกับผู้อื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทักษะเหล่านี้ไม่เกี่ยวข้องกับความรู้ด้านเทคนิคหรือความเชี่ยวชาญ แต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับคุณสมบัติส่วนบุคคล Soft Skill หรือทักษะด้านอารมณ์มีความสำคัญในทุกด้านของชีวิต รวมถึงสถานที่ทำงาน และมักถูกพิจารณาว่าจำเป็นต่อความสำเร็จในอาชีพ โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. ทักษะการสื่อสาร
เกี่ยวข้องกับความสามารถในการแสดงความคิดเห็นและความคิดอย่างมีประสิทธิภาพ ฟังอย่างกระตือรือร้น และให้ข้อเสนอแนะ ซึ่งรวมถึงการสื่อสารที่ไม่ใช้คำพูด เช่น ภาษากายและน้ำเสียง
2. การทำงานเป็นทีม
ความสามารถในการทำงานร่วมกับผู้อื่นในกลุ่มหรือทีมอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งรวมถึงความสามารถในการทำงานร่วมกัน แบ่งปันความคิด สื่อสาร และแก้ไขข้อขัดแย้ง
3. การแก้ปัญหา
ความสามารถในการระบุ วิเคราะห์ และแก้ไขปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเกี่ยวข้องกับทักษะการคิดเชิงวิพากษ์ ความคิดสร้างสรรค์ และการตัดสินใจ
4 ความสามารถในการปรับตัว
ความสามารถในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงและยืดหยุ่นในสถานการณ์ต่างๆ ซึ่งรวมถึงการเปิดรับแนวคิดใหม่ๆ การเรียนรู้ และการรับมือกับความท้าทายใหม่ๆ
5. ความเป็นผู้นำ
ความสามารถในการชี้นำและกระตุ้นให้ผู้อื่นบรรลุเป้าหมายร่วมกัน ซึ่งรวมถึงการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน สื่อสารความคาดหวัง มอบหมายงาน และให้ข้อเสนอแนะ
6. การบริหารเวลา
ความสามารถในการจัดลำดับความสำคัญของงาน จัดการเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ และบรรลุกำหนดเวลา ซึ่งรวมถึงการตั้งเป้าหมาย สร้างตารางเวลา และเข้าใจคุณค่าของเวลา
7. ความฉลาดทางอารมณ์
ความสามารถในการเข้าใจและจัดการอารมณ์ของตนเอง รวมถึงอารมณ์ของผู้อื่น ซึ่งรวมถึงการมีความเห็นอกเห็นใจ รู้จักตนเอง และมีทักษะทางสังคมที่ดี
โดยรวมแล้ว Soft Skill หรือทักษะด้านอารมณ์เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับความสำเร็จในทุกด้านของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นในสภาพแวดล้อมส่วนตัว หรือในอาชีพการงานของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการพัฒนาตัวเองแบบก้าวกระโดด เพื่อประสบความสำเร็จต่อไป.
เว็บไซต์สร้างประโยชน์ให้กับคลินิกเสริมความงามได้หลายวิธี ประโยชน์หลักประการหนึ่งคือความสามารถในการนำเสนอระบบการจองออนไลน์ ซึ่งสามารถประหยัดเวลาสำหรับทั้งคลินิกและลูกค้า เว็บไซต์ยังสามารถให้ข้อมูลแก่ลูกค้าเกี่ยวกับบริการของคลินิก เวลาทำงาน และข้อเสนอต่างๆ
นอกจากนี้ การมีเว็บไซต์ยังช่วยให้คลินิกเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้นโดยปรากฏในการค้นหาของ Google กลยุทธ์ทางการตลาดที่มีประสิทธิภาพ เช่น การบอกปากต่อปากจากคนไข้ที่พึงพอใจ ยังเป็นประโยชน์ต่อคลินิกเสริมความงามและความงามอีกด้วย โดยสามารถแบ่งรายละเอียดออกเป็น 4 ข้อดังนี้
1. ความสะดวกสบายสำหรับลูกค้า
◾ ระบบการจองออนไลน์
◾ เข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับบริการ ชั่วโมงการทำงาน และข้อเสนอต่างๆ ได้ง่าย
◾ ความสามารถในการสื่อสารกับคลินิกผ่านแบบฟอร์มติดต่อหรือแชทบ็อต
2. การมองเห็นที่เพิ่มขึ้น
◾ การปรากฏในการค้นหาของ Google ช่วยเพิ่มการมองเห็นของคลินิกต่อผู้มีโอกาสเป็นลูกค้า
◾ การมีเว็บไซต์ยังช่วยให้คลินิกสร้างความน่าเชื่อถือและความเป็นมืออาชีพได้
3. กลยุทธ์ทางการตลาด
◾ ปากต่อปากจากคนไข้ที่พึงพอใจสามารถผลักดันธุรกิจใหม่มาที่คลินิกได้
◾ คลินิกยังใช้โซเชียลมีเดียและการตลาดทางอีเมลเพื่อโปรโมตบริการและข้อเสนอของพวกเขา
4. การดำเนินงานที่คล่องตัว
◾ เว็บไซต์สามารถปรับปรุงการดำเนินงานโดยให้คำตอบสำหรับคำถามที่พบบ่อย
◾ แบบฟอร์มออนไลน์สามารถใช้สำหรับการรับผู้ป่วยใหม่และแบบฟอร์มยินยอม ซึ่งช่วยประหยัดเวลาในการนัดหมายด้วยตนเอง
ในฐานะเจ้าของธุรกิจ คุณทราบดีว่าการมีกราฟิกโฆษณาที่ยอดเยี่ยมเพื่อโปรโมตแบรนด์ของคุณมีความสำคัญเพียงใด
อย่างไรก็ตาม คุณอาจไม่สามารถเข้าถึงคอมพิวเตอร์ หรือทักษะการออกแบบที่จำเป็นในการสร้างกราฟิกที่ดูเป็นมืออาชีพได้เสมอไป นั่นคือสิ่งที่แอปมือถือมีประโยชน์ แอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ 5 แอปต่อไปนี้จะช่วยให้คุณสร้างกราฟิกโฆษณาได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย
1. Canva
Canva เป็นแอปออกแบบกราฟิกยอดนิยมที่มีอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่ายและมีเทมเพลตให้เลือกมากมาย คุณสามารถสร้างอะไรก็ได้ตั้งแต่กราฟิกโซเชียลมีเดียไปจนถึงใบปลิวและโปสเตอร์ แอปมีเวอร์ชันฟรีพร้อมฟีเจอร์พื้นฐาน รวมถึงเวอร์ชันที่ต้องชำระเงินพร้อมฟีเจอร์ขั้นสูง
2. Adobe Spark Post
Adobe Spark Post เป็นอีกหนึ่งแอพที่ยอดเยี่ยมสำหรับการสร้างกราฟิกโฆษณา มีเทมเพลตและเครื่องมือออกแบบที่หลากหลายซึ่งทำให้ง่ายต่อการสร้างกราฟิกที่ดึงดูดสายตา แอปนี้ใช้งานได้ฟรี แต่มีการซื้อในแอปสำหรับคุณลักษณะเพิ่มเติม
3. Desygner
Desygner เป็นแอปออกแบบกราฟิกที่ให้คุณสร้างอะไรก็ได้ตั้งแต่กราฟิกโซเชียลมีเดียไปจนถึงนามบัตร มีอินเทอร์เฟซแบบลากและวางที่ทำให้ใช้งานง่าย และมีเวอร์ชันฟรีที่มีคุณลักษณะพื้นฐาน ตลอดจนเวอร์ชันที่ต้องชำระเงินซึ่งมีคุณลักษณะขั้นสูงเพิ่มเติม
4. Piktochart
Piktochart เป็นแอปที่ยอดเยี่ยมสำหรับการสร้างอินโฟกราฟิกและการแสดงข้อมูลอื่นๆ มีเทมเพลตและเครื่องมือออกแบบที่หลากหลายเพื่อช่วยคุณสร้างกราฟิกที่สะดุดตา แอปนี้ใช้งานได้ฟรี แต่มีการซื้อในแอปสำหรับคุณลักษณะเพิ่มเติม
5. PosterMyWall
PosterMyWall เป็นแอปที่ช่วยให้คุณสามารถสร้างโปสเตอร์ ใบปลิว และกราฟิกโฆษณาอื่นๆ มีคลังเทมเพลตขนาดใหญ่ให้เลือก และมีเวอร์ชันฟรีพร้อมฟีเจอร์พื้นฐาน รวมถึงเวอร์ชันที่ต้องชำระเงินพร้อมฟีเจอร์ขั้นสูง
ด้วยแอปบนมือถือทั้ง 5 แอปนี้ คุณสามารถสร้างกราฟิกโฆษณาที่ดูเป็นมืออาชีพได้ง่ายๆ โดยไม่ต้อง ต้องการคอมพิวเตอร์ หรือทักษะการออกแบบขั้นสูง ไม่ว่าคุณกำลังส่งเสริมการขายหรือประกาศผลิตภัณฑ์ใหม่ แอปเหล่านี้มีทุกสิ่งที่คุณต้องการเพื่อสร้างกราฟิกที่สะดุดตา
ที่สำคัญโดยทั่วไปแล้ว เหล่าแอปดังกล่าวมีเวอร์ชันฟรีที่สามารถใช้งานได้ ทั้ง Android, Iphone และ Ipad แต่มีเวอร์ชันที่มีฟังก์ชันมากขึ้นเพื่อเพิ่มความสามารถในการออกแบบ และมีแผนรายเดือน/รายปี สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการเพิ่มเติมคุณสมบัติพิเศษ แต่คุณยังสามารถใช้เวอร์ชันฟรีได้เช่นกัน ก่อนที่จะตัดสินใจอัปเกรดหากต้องการใช้งานที่ขั้นสูงขึ้น.
Neuromarketing เป็นสาขาของการตลาดที่นำความรู้เกี่ยวกับสมองและกระบวนการทางสมองมาใช้ในการศึกษาและวิเคราะห์พฤติกรรมและการตัดสินใจของผู้บริโภคในบริบทการตลาด โดยใช้เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์และเทคนิคที่มาจากสาขาต่างๆ เช่น สมองวิจัย (neuroscience) และการตลาด (marketing) เพื่อศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภคในระดับที่ลึกซึ้งขึ้น
หนึ่งในการค้นพบที่สำคัญ ในประสาทวิทยาศาสตร์คือแนวคิดของ นิวโรพลาสติก (Neuroplasticity) หมายถึงความสามารถของสมองในการเปลี่ยนแปลงและปรับตัวเพื่อตอบสนองต่อประสบการณ์ใหม่ ซึ่งหมายความว่าสมองไม่ใช่อวัยวะที่ตายตัว แต่เป็นอวัยวะที่มีพลวัตซึ่งสามารถกำหนดรูปร่างได้จากประสบการณ์และสิ่งแวดล้อมของเรา
การวิจัยด้านประสาทวิทยา สามารถให้ข้อมูลเชิงลึกอันมีค่าเกี่ยวกับวิธีออกแบบโฆษณาออนไลน์ที่มีประสิทธิภาพซึ่งดึงดูดความสนใจของผู้ใช้และโน้มน้าวให้พวกเขาตอบสนอง ต่อไปนี้คือเคล็ดลับบางประการเกี่ยวกับวิธีใช้หลักการทางประสาทวิทยาศาสตร์กับการออกแบบโฆษณาออนไลน์ของคุณ:
1. ใช้ภาพที่สะดุดตา
การศึกษาพบว่าสมองประมวลผลข้อมูลภาพได้เร็วกว่าข้อความมาก ดังนั้นการใช้ภาพที่สะดุดตาในโฆษณาออนไลน์ของคุณจึงเป็นเรื่องสำคัญ ใช้สีสว่าง แบบอักษรหนา และรูปภาพคุณภาพสูงเพื่อดึงดูดความสนใจของผู้ใช้
2. เรียบง่าย
สมองชอบความเรียบง่ายและชัดเจนมากกว่าความซับซ้อน ดังนั้นควรทำให้โฆษณาออนไลน์ของคุณเรียบง่ายและเข้าใจง่าย ใช้ประโยคสั้นๆ ง่ายๆ และหลีกเลี่ยงการใส่ข้อมูลมากเกินไปในโฆษณา
3. ใช้การดึงดูดทางอารมณ์
อารมณ์มีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจ ดังนั้นใช้การดึงดูดทางอารมณ์ในโฆษณาออนไลน์ของคุณ ใช้ภาพที่กระตุ้นอารมณ์เชิงบวกและใช้ภาษาที่สร้างความรู้สึกเร่งรีบหรือตื่นเต้น
4. ทำให้มีความเกี่ยวข้อง
สมองมีหน้าที่ให้ความสนใจกับข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับความสนใจและความต้องการของเรา ดังนั้น ตรวจสอบให้แน่ใจว่าโฆษณาออนไลน์ของคุณเกี่ยวข้องกับผู้ใช้ ใช้การกำหนดเป้าหมายเพื่อให้แน่ใจว่าโฆษณาของคุณแสดงต่อผู้ใช้ที่น่าจะสนใจผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณ
5. ใช้หลักฐานทางสังคม
สมองได้รับอิทธิพลจากความคิดเห็นของผู้อื่น ดังนั้นให้ใช้หลักฐานทางสังคมในโฆษณาออนไลน์ของคุณ ใช้ข้อความรับรอง การให้คะแนน และบทวิจารณ์เพื่อแสดงว่าคนอื่นๆ มีประสบการณ์เชิงบวกกับผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณ
6. สร้างความรู้สึกของความขาดแคลน
สมองมีการเชื่อมต่อเพื่อตอบสนองต่อความขาดแคลน ดังนั้นสร้างความรู้สึกเร่งด่วนในโฆษณาออนไลน์ของคุณ ใช้ข้อเสนอที่มีเวลาจำกัดหรือข้อความที่มีจำนวนจำกัดเพื่อสร้างความรู้สึกขาดแคลนและกระตุ้นให้ผู้ใช้ดำเนินการ
การใช้หลักการทางประสาทวิทยาเหล่านี้ กับการออกแบบโฆษณาออนไลน์ คุณสามารถสร้างโฆษณาที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นในการดึงดูดความสนใจของผู้ใช้ เพื่อชักชวนให้เกิดการตอบรับกับโฆษณาของคุณได้มากขึ้น
นอกจากนี้ Neuromarketing ยังสามารถนำไปใช้ในหลากหลายกลุ่มธุรกิจ เช่น การตลาดทางสังคม (social media marketing) การตลาดออนไลน์ (online marketing) การตลาดเซอร์วิส (service marketing) และอื่นๆ โดยการใช้แนวคิดและเทคนิคทางสมองเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในกิจกรรมตลาด และช่วยให้ธุรกิจประสบความสำเร็จในการเจาะกลุ่มเป้าหมายทางการตลาดของตัวเอง.
การพัฒนาของตลาด มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในยุคดิจิทัลและเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า ในปี 2023 นี่คือภาพรวมของแนวโน้มตลาด ในอุตสาหกรรมต่างๆ ที่เราคาดว่าจะได้เห็นในปี 2023 ข้อมูลสรุปโดยย่อมีดังนี้
1. เทคโนโลยี
ในปี 2023 เราคาดว่าจะได้เห็นการมุ่งเน้นที่ปัญญาประดิษฐ์ แมชชีนเลิร์นนิง และระบบอัตโนมัติอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ Internet of Things (IoT) จะยังคงเติบโต โดยมีอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกันมากขึ้น
2. สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี
อุตสาหกรรมด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีจะเติบโตอย่างต่อเนื่องโดยให้ความสำคัญกับแผนโภชนาการและการออกกำลังกายส่วนบุคคล เทคโนโลยีอุปกรณ์สวมใส่จะยังคงได้รับความนิยมต่อไป ด้วยอุปกรณ์และแอปใหม่ๆ ที่ออกสู่ตลาด
3. อาหารและเครื่องดื่ม
ผู้บริโภคจะยังคงต้องการตัวเลือกอาหารที่ดีต่อสุขภาพและยั่งยืน ซึ่งนำไปสู่การเพิ่มผลิตภัณฑ์จากพืชและผลิตภัณฑ์ออร์แกนิก โปรตีนทางเลือก เช่น แมลงและเนื้อสัตว์ในห้องปฏิบัติการ ก็คาดว่าจะได้รับความนิยมเช่นกัน
4 แฟชั่น
ในปี 2023 เราคาดหวังได้ว่าจะได้เห็นการมุ่งเน้นไปที่แฟชั่นที่ยั่งยืน และมีจริยธรรม โดยผู้บริโภคจะตระหนักถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นจากการเลือกเสื้อผ้าของพวกเขา นอกจากนี้ แฟชั่นดิจิทัลยังคาดว่าจะแพร่หลายมากขึ้น
5. การท่องเที่ยวและการบริการ
อุตสาหกรรมการเดินทางและการบริการคาดว่าจะฟื้นตัวในปี 2023 โดยมุ่งเน้นไปที่การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และการเดินทางอย่างยั่งยืน เทคโนโลยี เช่น ความจริงเสมือน VR และความจริงเสริม AR จะมีบทบาทมากขึ้นในการปรับปรุงประสบการณ์การเดินทาง
6. การเงิน
ในปี 2023 เราคาดว่าจะเห็นการเติบโตอย่างต่อเนื่องของฟินเทค โดยตัวเลือกธนาคารดิจิทัล และเทคโนโลยีบล็อกเชนจะกลายเป็นกระแสหลักมากขึ้น
ในปี 2023 ตลาดกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ในยุคดิจิทัล และเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า ธุรกิจจะต้องให้ความสำคัญกับการสร้างความเชื่อมั่นและความไว้วางใจกับลูกค้า และเน้นความยั่งยืนและความรับผิดชอบทางสังคม ตลาดออนไลน์ยังคาดหวังว่าจะเติบโตเรื่อยๆ และเปิดโอกาสใหม่ๆ ให้กับธุรกิจในอนาคต.
607 หมู่บ้านอุ่นรัก 2 ซ.ลาดพร้าว 87 แยก 21
แขวงคลองเจ้าคุณสิงห์ เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ 10310
รับทํา online marketing | การตลาดออนไลน์ครบวงจร | ทีมการตลาดคลินิกความงาม | เว็บการตลาดคลินิก | Content คลินิกความงาม | การตลาดออนไลน์โรงพยาบาล | รับโปรโมทคลินิกเปิดใหม่ | การตลาดสายคลินิก | การตลาด online | การตลาดออนไลน์คลินิกความงาม | รับทำการตลาดคลินิก | รับทำ Marketing คลินิก | แผนธุรกิจคลินิกเสริมความงาม | Digital Marketing คลินิกเสริมความงาม | ตลาดคลินิกเสริมความงาม | การตลาดความงาม | SWOT คลินิกเสริมความงาม | การตลาดสำหรับคลินิก | รับทำ SEO | รับยิงแอดโฆษณาคลินิก | การตลาด | เปิดคลินิกความงาม | การทำการตลาดคลินิกเสริมความงาม | การตลาดออนไลน์คลินิกฑันตกรรม | วิธีสร้างแบรนด์คลินิกความงาม | วิเคราะห์การตลาดคลินิก | การตลาด facebook คลินิก | บริษัทการตลาดคลินิก | ที่ปรึกษาการตลาดคลินิก | marketing คลินิกความงาม | คลินิกเสริมความงามใกล้ฉัน | คลินิกเสริมความงามกรุงเทพมหานคร | โรงพยาบาลเสริมความงาม
Copyright © 2024 · รับทำการตลาดออนไลน์คลินิกความงาม